๑ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน สติกำหนดพิจารณากาย (อารมณ์อันหยาบ) เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์ของคนตัณหาจริต มีปัญญาอ่อน
๒ เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน สติกำหนดพิจารณาเวทนา (อารมณ์ละเอียด) ทางแห่งความบริสุทธิ์ของคนตัณหาจริต มีปัญญาเฉียบแหลม
๓ จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน สติกำหนดพิจารณาจิต (ผู้รู้) ซึ่งมีอารมณ์อันเหตุออกไปไม่มากนัก จิตไม่ค่อยส่งออก เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์ของคนทิฐิจริต มีปัญญาอ่อน การปฏิบัติ จะเป็นไปโดยราบรื่น (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านเทศน์ว่า “ เราล้มลุกคลุกคลานมาสารพัดแบบ เพราะฉะนั้น สอนได้ทุกรูปแบบ นั่นแหละ ! ย้ำเข้าไปตรงนั้นแหละ ! จุดเดียว ได้ผลเยอะที่สุดฯ ” คือ พิจารณาที่ฐานฯ จุดเดียว (หน้า ๒๗) ดูภาวนา หน้า ๑๐ ประกอบ ระวังตะครุบเงาฯ)
๔ ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ สติกำหนดพิจารณาธรรม ซึ่งมีอารมณ์อันแยกออกไปมาก (จิตส่งออกมาก) ต้องใช้คำบริกรรม เช่น นึกคำบริกรรม “ พุทโธ ” ที่ฐานฯ ให้มากๆ แล้วพิจารณา เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์ของผู้ (คน) ทิฐิจริต มีปัญญาเฉียบแหลม
ดู สัมมาสติ ใน องค์มรรค ของ อริยสัจ ๔ หน้า ๘ – ๙ เพิ่มเติม ๑ – ๔ ให้เลือกพิจารณาอย่างหนึ่ง ตามความเหมาะสมในจริตของตนเอง เพื่อความชำนาญ (วสี) แต่ถ้าทางใด หากทำให้เกิดความราบรื่น (พิจารณา ข้อ ๓ คือ เป็นวิธีพิจารณาที่ลงทุนน้อย แต่ได้ผลมาก) เพราะ พอเพียงแล้ว นั่น ก็คือ การได้หลุดพ้นไปจากกองทุกข์ และ ได้รับความเป็นบรมสุขไปตลอดอนันตกาล เลยหละ ! “ ประโยชน์ของตัวท่านเอง ” พระตถาคต และ ครูอาจารย์ นั้น ก็แค่ชี้แนะ เพราะ หลักๆ แล้ว ตัวเราต้องทำเอาเอง (คงไม่ถึงขั้นที่ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ เพราะ ผิดธรรมชาติ)