ออกทางปัญญา

      


        ออกทางปัญญา
ดวงจิตของสัตว์นั้นมีความหลง เพราะเป็นอำนาจของอวิชชาที่เข้ามาครอบงำ ก็จึงทำให้จิตดวงนั้นต้องเข้ามาเกิดอยู่ในท้องของแม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก  (อวิชชาเป็นมูลการเวียนว่ายตายเกิด)  จากนั้นจึงมีชาติ ชราและมรณะวนไปวนมาอยู่อย่างนี้ ซึ่งหาเบื้องต้นและที่สุดมิได้  เมื่อดับอวิชชาตัวเดียวได้แล้ว  ด้วยการพิจารณาและออกทางปัญญาโดยถูกต้อง  ก็จึงพลอยทำให้กิเลสตัวอื่นๆนั้นได้หมดสิ้นไปจากใจด้วย   ที่สุดจึงเหลือเพียงวิชชาซึ่งเป็นมูลการหยุดหมุน (คือหมดการเวียนว่ายตายเกิด)  
การปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นไปจากกองทุกข์นั้น     อย่าคำนึงว่าจะต้องบรรลุพระอรหันต์ประเภทใด คือกิเลสหมดสิ้นไปจากใจแล้วก็จบ  (แม้จะเป็นประเภทสุกขวิปัสสโก)   อย่าดีดดิ้นในประเภทฉฬภิญโญ    เตวิชโชหรือจตุปฏิสัมภิทัปปัตโต เปรียบวิมุติพระนิพพานนั้น ประเภทใดก็ได้

คือเมื่อได้เข้าถึงแล้ว ทุกประเภทนั้นต่างเป็นบรมสุขไปตลอดอนันตกาลและก็สุดยอดเหมือนๆกันอยู่แล้ว (พระพุทธเจ้า  พระสาวกและพระอรหันต์ทุกๆประเภท ในเรื่องของความบริสุทธิ์หลุดพ้นนั้น   มีความเสมอกันและไม่ยิ่งไม่หย่อนไปกว่ากัน   หากจะแตกต่างกันก็ตรงที่วาสนา   เพราะสร้างสะสมมาไม่เหมือนกัน)   หากเกินกำลังฐานะของตนเองก็จะเป็นดั่งเช่นสำนวนที่กล่าวไว้ว่า “ หมาเห่าเครื่องบิน ” (ทำให้ทุกข์และลำบากเสียเปล่าๆ) เปรียบไม่จำเป็นต้องผลิตหรือว่าขับเครื่องบินเอง คือจ่ายเงินค่าตั๋วแล้วก็นั่งได้เลย(หากเปรียบในทางธรรมนั้นก็คือการละพุทธภูมิแล้วก็ออกทางปัญญา)ธรรมะนั้น แม้จะดีเลิศขนาดไหนก็ตาม  หากเครื่องรับ (ผู้ฟัง) และเครื่องส่ง (ผู้เทศน์) ไม่ตรงกันแล้ว  ก็จะไม่ทำให้เกิดประโยชน์ขึ้นมาได้เลยแต่อย่างใด มิหนำซ้ำก็จะทำให้เกิดโทษขึ้นมาได้อีก ดั่งเช่นในกรณีของพระพุทธเจ้าและพระเทวทัตต์   เพราะของบางอย่างนั้นดีสำหรับคนๆหนึ่งแต่ก็ไม่ดีสำหรับทุกคนเสมอไป  แต่เมื่อมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง   และได้จัดสรรปันส่วนเป็นที่ลงตัวกันเรียบร้อยแล้วนั้น  จึงพลอยทำให้อะไรต่างๆนั้นได้เกิดการคล้อยตามและเออออกันไปทั้งหมด เพราะนั่นคืออคติ ๔  ซึ่งเป็นความลำเอียง แต่สำหรับวิมุติพระนิพพานนั้น  เมื่อถึงที่สุดแล้วจึงต้องดีที่สุดสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน (ไม่มีความลำเอียงกับผู้หนึ่งผู้ใด) ธรรมชั้นต่ำ เช่น ธุดงค์วัตรหรืออะไรต่างๆ ซึ่งนั่นก็คือเครื่องอาศัยเพื่อฝึกหัดดัดตนเองเพื่อให้เกิดความเจริญในธรรมที่จะตามมา   แต่หากว่าเป็นการปฏิบัติเพื่ออวดโลกสงสารแล้ว  พระวินัยท่านปรับอาบัติ  และหากยังนำมาคุยทับธรรมชั้นสูงซึ่งนั่นก็คือพระนิพพานแล้ว    จึงทำให้น่าทุเรศและสมเพชเป็นอย่างยิ่ง  เพราะนั่นคือการทำงานของกิเลส   ที่ท่านเรียกว่ามานะและอวิชชา (เพราะความไม่รู้ หากว่าหนักเข้าก็คงไปเจอตอ) ขอให้โชคดีมีความสุขและราบรื่น  ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ   อย่าให้มีหนี้สิน ได้บรรลุถึงมรรคผลพระนิพพานทุกท่านเทอญ