พุทธทำนาย (พุทธวิสัย)
จากมหาศิลาจารึก ในมหาวิหารเชตะวัน ณ สวนมฤคทายวัน ที่ใน ประเทศอินเดีย โดยคณะทูตไทยที่ได้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ตามคำแปลเป็นภาษาไทยซึ่งมีดังต่อไปนี้
สาธุ อะระหังสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณาสรรพสัตว์ทั่วทั้งไตรโลกธาตุ ผู้ที่เกิดมาล้วนแต่ทุกข์ทั่วหน้า ทุกชาติศาสนา ตามวัฏฏสงสาร เมื่อเราเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานไปแล้วครบ ๕,๐๐๐ ปี คือเป็นที่สุด โลกจะหมุนไปใกล้ถึงจำนวนที่ตถาคตทำนายไว้ ๒,๕๐๐ ปี มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติเสียครั้งหนึ่งในระยะ ๓๐ ปี สิ่งที่คนไม่เคยเจอจะได้เห็น ไม่เคยพบจะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับกลับตื่นขึ้นมาอาละวาด ใกล้กับ พ.ศ. ๒๕๕๐ ยิ่งทวีกันใหญ่ทุกทิวาราตรี มนุษย์นอกศาสนาจะรบราฆ่ากันถึงนองเลือดเต็มพื้นดิน พื้นน้ำจะท่วมมนุษย์ไม่ขาดระยะ ต่างฝ่ายต่างทำลายกันเหมือนยักษ์กระหายเลือด แผ่นดินจะลุกเป็นเปลวไฟ คนจะตายไปอย่างละครึ่ง ถึงจะเลิกล้ม ต่างฝ่ายต่างก็หมดกำลังไปด้วยกัน ตามวิสัยยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งถือกำเนิดจากป่าอำมหิต ส่วนพุทธศาสนิกชนผู้ทำแต่บุญเดินตามตถาคต สามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดบูชาพระบรมโพธิสัตว์ ผ้ากาสาวพัตร์ จะได้รับภัยพิบัติเบาบาง แต่ก็หนีธรรมชาติไม่พ้น
ไฟจะลุกลามมาทางตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมณะชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ ลูกไฟจะตกจากฟ้า เหล็กกล้าจะผุดจากน้ำ สงครามจะเกิดทั่วทิศ พระยานาคจะพ่นพิษเป็นเพลิง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวสารจะขาดแคลน ทุกแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง สีเหลืองจะชนะ พระยังอยู่คู่เมืองอีกต่อไป สีขาวจะแพ้ภัยในที่สุด ครุฑจะบินกลับฐาน คนจะกลับบำรุงพระพุทธเจ้า ดังนี้ “ ชา ตะ มะ สะ ละ วา ” พระพุทธชินลิตนี้ท่านให้เขียนใส่กระดาษหรือผ้าขาวติดไว้หน้าบ้านหรือที่หัวนอน แล้วจะมีอายุยืน จะทันผู้มีบุญชื่อพระยาธรรมมิกราช (คือพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตย) เมื่อแรกนั้นสถิตอยู่ในเขตอยุธยา บัดนี้ท่านเสด็จอยู่ในล้านช้าง (ภาคอีสานในปัจจุบัน) ท่านเข้ามาปีกุน (๒๕๖๒ เดือน ๑๑) เป็นเที่ยงแท้นักหนา เสด็จมาในปีระกา แรม ๕ ค่ำ มาทางทิศตะวันออก สมณะชีพราหมณ์ตาม
มาประมาณ ๗๖,๔๐๐ รูป ทั่วอาณาจักร ท่านได้ประกาศพระคาถาว่าดังนี้ “ นะ สัจจังทะ คะยังมะสำคำปัง ” คอยดูในปีมะโรง (๒๕๕๕) คนจะเดินโก่งโค้งคลาน ผู้ใดอยากพบผู้มีบุญให้หมั่นภาวนา รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา คอยดูปีมะเส็ง (๒๕๕๖) ตลิ่งจะพัง มหาสมุทรจะชอกช้ำ อย่าเที่ยวไปกลางแจ้ง ท่านเข้ามาปีกุน (๒๕๖๒ เดือน ๘) เป็นเที่ยงแท้ คอยดูในปีจอ คนภาวนาจะพ้นภัย ภาวนา “ สะโรนะกา โททายะโม พุทธตะยะ ” ทุกเช้าค่ำจะมีอายุยืนนาน จะได้เห็นพระยาธรรมมิกราช ในปีกุนท่านจะเข้ามาอีก ถ้าไม่เห็นหนังสือในบ้านใด ผู้นั้นจะได้รับอันตราย รู้แล้วบอกต่อกัน
คำเตือน ! โลกมนุษย์กำลังเข้าสู่กาลียุค จะเกิดภัยธรรมชาติจากดิน น้ำ ลม ไฟ จะเกิดมหาสงครามโลกครั้งที่ ๓ ตามมา มนุษย์จะตายไปกว่าครึ่ง สำหรับประเทศไทยจะเกิดตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ คาดว่าจะได้รับภัยทางน้ำและไฟไหม้ โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดทะเลและกรุงเทพฯ แผ่นดินจะยุบตัว
คลื่นน้ำจะพัดถล่มความสูง ๒๐๐ เมตร มนุษย์จะล้มตายมากกว่าครึ่ง น้ำจะเข้าทางช่องแคบสระบุรีและตอนล่างของโคราชเป็นบางส่วน ภัยพิบัติจะเกิดอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และสุดท้ายประเทศไทยก็จะเหลือประชากรประมาณ ๓๐ % ส่วนประเทศอื่นๆทั่วโลกจะเหลือเพียง ๑๐ % เท่านั้น ที่รอดชีวิตส่วนมากก็สูญเสียสติสัมปชัญญะ ไม่ปลอดภัยเหมือนเมืองที่นับถือพระพุทธศาสนา เพราะไม่เข้าใจการบำเพ็ญภาวนา ฉะนั้นอย่าหลงใหลในทรัพย์สิน เพราะเมื่อยุคศรีวิไลมาถึงเงินทองจะไม่มีค่า มนุษย์ยุคนั้นวัน นั้น วัดกันที่คุณงามความดี ศีลธรรมและบุญกุศลเท่านั้น
** เป็นโทษของวัฏฏะ ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิด การเกิดเป็นทุกข์ คือต้องขดอยู่ในท้องแม่ ๙ เดือน เผื่อจะโตมาได้ วน (หมุน) ไปวนมา คือไตรลักษณ์ฯ ทุกข์เพราะมีกายหยาบ สัมผัสอากาศหนาว ร้อน กิน ถ่าย ต่างๆ ทางแก้ ให้รีบสร้างบุญกุศลและภาวนา ดำเนินชีวิตบนทางสายกลาง (ความพอเพียง) ภาวนาเพื่อบรรลุพระอนาคามี (เรียนจบ สอบผ่าน) เป็นอย่างต่ำ (ทางพ้นทุกข์โดยย่อ หน้า ๑ ความเพียร ใช้เวลาประมาณ ๑๐ – ๒๐ วัน) เมื่อตายแล้วไปเกิดในสุทธาวาส ๕ (ชั้นพรหม) ไม่ต้องกลับมาเกิดในโลกนี้อีก เป็นกายทิพย์ฯ ไม่ต้องร้อน หนาว กิน ถ่ายฯ คือนึกแล้วก็มา หรือ บุญพาวาสนาส่ง บรรลุพระนิพพานขณะมีชีวิต จิตเป็นธรรมธาตุ ไม่เกิด ไม่ดับ (เกิดหรือไม่เกิดให้ดูที่จิต) เที่ยงตลอดและเป็นบรมสุข ถึงที่สุดแห่งทุกข์ “ เตรียมตายก่อนตาย ได้พระนิพพานแล้วหมดห่วง คือเมืองพอที่ใจ เป็นไปได้ ไม่สุดวิสัย หากมีการเริ่มต้นที่ดีและมีครูอาจารย์ ” **